Norfloxacin (นอร์ฟลอกซาซิน)

Norfloxacin (นอร์ฟลอกซาซิน)

Norfloxacin (นอร์ฟลอกซาซิน) เป็นยาปฏิชีวนะที่จัดอยู่ในกลุ่มยาควิโนโลน (Quinolone) ซึ่งมีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยยานอร์ฟลอกซาซินจะนำมาใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ โรคหนองใน และโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร แต่ไม่มีผลต่อการรักษาเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม ยานี้มีข้อห้ามใช้และผลข้างเคียงมาก ดังนั้น การใช้ยาควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร

trang cá cược xổ số Liên kết đăng nhập

เกี่ยวกับยา Norfloxacin

กลุ่มยา ยาปฏิชีวนะกลุ่มควิโนโลน (Quinolone Antibiotic)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน


คำเตือนของการใช้ยา Norfloxacin

  • ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์และเภสัชกรทราบ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะในกลุ่มควิโนโลนตัวอื่น เช่น ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) และลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) รวมไปถึงประวัติอาการแพ้อื่น ๆ ก่อนการใช้ยา เพราะส่วนผสมบางตัวในยานี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการแพ้ได้
  • ก่อนใช้ยานี้ควรแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบถึงประวัติโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเอ็นและข้อต่อ เป็นโรคไต โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท หรือเป็นโรคลมชัก
  • ยานี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Prolong QT Interval) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรง แต่พบได้น้อย เช่น หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ และอาการอื่น ๆ เช่น เวียนศีรษะอย่างมากหรือเป็นลม ซึ่งต้องได้รับการรักษาในทันที
  • หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Prolong QT Interval) และหากมีประวัติหัวใจเต้นช้า หัวใจล้มเหลว คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ หรือมีประวัติคนในครอบครัวมีปัญหาด้านหัวใจ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยานอร์ฟลอกซาซิน
  • ยานี้อาจส่งผลที่รุนแรงต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่เป็นกรณีที่พบได้น้อย
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ กำลังวางแผนจะมีบุตร หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยานี้
  • เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรรับประทานยานี้ ยกเว้นจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากยาสูง
  • หลีกเลี่ยงการขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงนอน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมไปถึงควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้พอเหมาะ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด ควรใช้ครีมกันแดดหรือใส่เสื้อผ้าที่ช่วยกันแสงแดดเมื่อต้องออกกลางแจ้ง เพราะการใช้ยานี้อาจส่งผลให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • ไม่ควรรับการฉีดวัคซีนในขณะที่ใช้ยานี้ นอกจากจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงได้
  • เด็กควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อและเส้นเอ็น

ปริมาณการใช้ยา Norfloxacin

โรคหนองในที่ไม่ซับซ้อน (Uncomplicated Gonorrhoea)

ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 800 มิลลิกรัม 1 ครั้ง

ต่อมลูกหมากอักเสบเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียเรื้อรัง (Chronic Bacterial Prostatitis)

ผู้ใหญ่: รับประทานขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 28 วัน

โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะกำเริบเรื้อรัง (Chronic Relapsing Urinary Tract Infections)

ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ อาจลดเป็นวันละ 1 ครั้ง หากควบคุมอาการได้ในช่วง 4 สัปดาห์แรกที่ใช้ยา

โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะชนิดซับซ้อน (Complicated Urinary Tract Infections)

ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 10-21 วัน

โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะชนิดไม่ซับซ้อน (Uncomplicated Urinary Tract Infections)
ผู้ใหญ่: หากพบว่ามีสาเหตุจากการติดเชื้ออีโคไล (E. Coli) เชื้อเคลบเซลลา นิวโมเนียอี (Klebsiella Pneumoniae) หรือเชื้อ Proteus Mirabili ให้รับประทานยาขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 วัน หรือมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ ให้รับประทานยาขนาด  400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 7-10 วัน

*ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา

การใช้ยา Norfloxacin

ก่อนการใช้ยาควรอ่านฉลากวิธีการใช้ยาอย่างละเอียด และหากมีความสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการใช้ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรให้เข้าใจ

  • ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งขนาดยาที่ใช้ทั่วไป คือ 400 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง กลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำสะอาด
  • ควรรับประทานยาในขณะที่ท้องว่าง ก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือควรใช้ยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อช่วยให้ไม่ลืมรับประทานยา
  • ไม่ควรดื่มนมหรือใช้ยาที่ช่วยย่อยอาหาร หรือใช้ยาที่มีส่วนประกอบของเหล็กหรือสังกะสี เช่น วิตามินรวม ในช่วง 2 ชั่วโมง ก่อนใช้ยาหรือในช่วง 2 ชั่วโมง หลังที่ใช้ยา เพราะอาจทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่เต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากทำให้การออกฤทธิ์ของคาเฟอีนยาวนานขึ้น
  • ผู้ป่วยควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบปริมาณตามที่กำหนดแม้ว่าอาการจะดีขึ้น ไม่ควรหยุดยาเอง เพื่อป้องกันการกลับมาของโรค แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลงควรไปพบแพทย์
  • ควรเก็บยาไว้ในที่อุณหภูมิห้อง 15-30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากความร้อน แสงแดด และเก็บให้พ้นจากมือเด็ก

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Norfloxacin

ผลข้างเคียงจากการใช้ยานอร์ฟลอกซาซินที่พบได้บ่อย เช่น

  • อาหารไม่ย่อย
  • คลื่นไส้
  • ท้องเสีย
  • ปวดศีรษะ
  • เวียนศีรษะ
  • มีผื่นคัน
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ

โดยหากเกิดอาการเหล่านี้และอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลงควรรีบไปพบแพทย์

ผลข้างเคียงจากการใช้ยานอร์ฟลอกซาซินที่มีความรุนแรง เช่น

  • มีอาการช้ำหรือเลือดออกผิดปกติ
  • ผิวไวต่อแสงแดด
  • มีสัญญาณบ่งบอกว่าไตมีปัญหา เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ
  • มีสัญญาณบ่งบอกว่าตับมีปัญหา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ดีซ่าน หรือปัสสาวะสีเข้ม

รวมไปถึงผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงมาก เช่น เวียนศีรษะอย่างรุนแรง เป็นลม หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ ซึ่งหากเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว ควรรีบไปแพทย์ทันที

หากพบอาการแพ้ยานอร์ฟลอกซาซินที่รุนแรง ได้แก่ ผื่นคัน อาการบวมที่ใบหน้า ลิ้นและคอ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีปัญหาในการหายใจ ควรได้รับการช่วยเหลือหรือควรไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนั้น อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดปกติหรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรไปแพทย์