Clozapine (โคลซาปีน)

Clozapine (โคลซาปีน)

trang cá cược xổ số 

Clozapine (โคลซาปีน) เป็นยาต้านโรคจิตเภท มีกลไกการออกฤทธิ์โดยช่วยเปลี่ยนแปลงการทำงานของสารเคมีในสมองหรือปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ใช้รักษาผู้ป่วยโรคจิตเภทที่มีอาการรุนแรงหรือใช้ยาอื่นไม่ได้ผล และผู้ป่วยโรคพาร์กินสันที่มีอาการทางจิต หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

trang cá cược xổ số Liên kết đăng nhập

ยา Clozapine มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Clozapine

กลุ่มยา ยาต้านโรคจิตเภท
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาโรคจิตเภท โรคพาร์กินสันที่มีอาการทางจิต
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Clozapine

  • ห้ามใช้ยานี้รักษาภาวะทางจิตที่เกี่ยวข้องกับโรคความจำเสื่อม เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในผู้สูงอายุภาวะสมองเสื่อม
  • ยา Clozapine เป็นยาใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรหามารับประทานเอง
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากป่วยเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ตนเองหรือคนในครอบครัวป่วยเป็นกลุ่มอาการระยะคิวทียาว (Long QT Syndrome) ระดับเกลือแร่ในร่างกายขาดสมดุล เป็นโรคลำไส้อุดตัน โรคตับ โรคไต ต่อมลูกหมากโต มีปัญหาในการปัสสาวะ ต้อหิน มีภาวะขาดน้ำ ขาดสารอาหาร มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ เป็นโรคเบาหวานหรือมีความเสี่ยงสูง เช่น น้ำหนักเกินหรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ระดับคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์สูง เป็นต้น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีประวัติเป็นโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดในสมอง ชัก บาดเจ็บที่ศีรษะหรือมีเนื้องอกในสมอง โรคลำไส้ใหญ่ หรือเคยผ่าตัดในช่องท้องส่วนล่าง
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรไพรชนิดใดก็ตามที่กำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยานอนหลับ ยาแก้ไอ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยารักษาโรควิตกกังวล ยารักษาโรคซึมเศร้า ยากดภูมิคุ้มกัน และยารักษาอาการชัก ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการง่วงนอนและหายใจช้าลง ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตรก่อนใช้ยานี้ เพราะการใช้ยารักษาโรคทางจิตในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดปัญหาต่อทารกในครรภ์ เช่น มีอาการถอนยา มีปัญหาในการหายใจหรือการกิน สั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อตึง เป็นต้น และห้ามหยุดใช้ยานี้โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ หากเกิดการตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยา เพราะอาจทำให้เกิดอาการถอนยาหรือปัญหาอื่น ๆ ตามมา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ หากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะผู้ป่วยอาจต้องหยุดใช้ยานี้สักพัก
  • ห้ามใช้ยานี้เกินกว่าปริมาณที่กำหนด เพราะยาอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว หมดสติ หรือชัก
  • ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ผู้ป่วยควรระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะหรือการทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยความตื่นตัว และหลีกเลี่ยงการลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนเร็วเกินไป เพราะยาอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเวียนศีรษะหรือง่วงซึมรุนแรง ทำให้เสี่ยงหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุได้
  • ยานี้อาจส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าป้องกันการติดเชื้อในร่างกายมีปริมาณลดลง ทำให้เสี่ยงเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเพศหญิง ผู้สูงอายุ ผู้ที่ขาดสารอาหาร หรือเป็นโรคร้ายแรง ผู้ป่วยจึงต้องได้รับการตรวจเลือดเป็นประจำในระหว่างที่ใช้ยานี้
  • ห้ามให้นมบุตรในระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะยาอาจอาจซึมเข้าสู่น้ำนมมารดาและอาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้

ปริมาณการใช้ยา Clozapine

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

รักษาอาการทางจิตในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 12.5 มิลลิกรัม ในเวลาก่อนนอน เพิ่มปริมาณยาครั้งละ 12.5 มิลลิกรัม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับประทานยาไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/วัน ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ 2 ที่ใช้ยา
รับประทานยาปริมาณปกติ 25-37.5 มิลลิกรัม/วัน ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน

รักษาโรคจิตเภท
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 12.5 มิลลิกรัม 1-2 ครั้ง ในวันที่ 1 และรับประทานยาปริมาณ 25 มิลลิกรัม 1-2 ครั้ง ในวันที่ 2 โดยค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม จนถึง 300 มิลลิกรัม ภายใน 14-21 วัน หลังจากนั้นอาจเพิ่มปริมาณยาครั้งละ 50-100 มิลลิกรัม สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
รับประทานยาปริมาณปกติ 200-450 มิลลิกรัม/วัน ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 900 มิลลิกรัม/วัน

การใช้ยา Clozapine

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้
  • รับประทานยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในช่องปากได้โดยไม่ต้องดื่มน้ำตาม เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์จนกว่าจะนำมาใช้ เปิดบรรจุภัณฑ์และลอกแผ่นฟอยล์ออก แต่ห้ามดันยาออกมาจากแผ่นฟอยล์ เพราะยาอาจเสียหายได้ ให้ใช้มือที่แห้งหยิบยาและรับประทานยาโดยห้ามกลืนยาทั้งเม็ดและห้ามเคี้ยวยา ปล่อยให้ยาละลายในปากเท่านั้น อาจดื่มน้ำตามหลังจากยาแตกตัวหมดแล้วเพื่อช่วยให้กลืนยาสะดวกยิ่งขึ้น
  • หากแพทย์ให้รับประทานยาครึ่งเม็ด ให้ผู้ป่วยหักยาและทิ้งส่วนที่เหลือไป ห้ามเก็บไว้รับประทานในครั้งต่อไป
  • ไม่ควรหยุดใช้ยานี้กะทันหันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ให้ปฏิบัติตามวิธีการลดปริมาณยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพราะการหยุดยากะทันหันอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการถอนยาได้
  • หลังจากที่หยุดใช้ยานี้ ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเป็นประจำ เพราะยาอาจตกค้างเป็นเวลานานและส่งผลกระทบต่อร่างกาย
  • หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • หากลืมใช้ยานานเกินกว่า 2 วัน ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนกลับมารับประทานยาอีกครั้ง
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อนและความชื้น
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการเก็บยาและวิธีการกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Clozapine

การใช้ยา Clozapine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่ม เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ง่วงซึม สั่น กระสับกระส่าย คลื่นไส้ ท้องผูก มีน้ำลายมาก มองเห็นไม่ชัด หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออกมาก เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Clozapine ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม หายใจลำบาก เจ็บผิวหนัง และมีผื่นขึ้นกระจายตามร่างกายจนทำให้เกิดแผลพุพองหรือผิวลอก
  • ปวดศีรษะพร้อมกับมีอาการเจ็บหน้าอกและเวียนศีรษะรุนแรง หรือใจสั่น
  • วิงเวียนศีรษะคล้ายจะหมดสติ
  • ไออย่างฉับพลัน ไอเป็นเลือด หายใจเร็ว
  • รู้สึกแน่นที่กรามหรือในลำคอ กล้ามเนื้อกระตุก หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้
  • ชัก
  • ไตทำงานผิดปกติ อาจทำให้มีอาการ เช่น ปัสสาวะไม่ออก เท้าบวม ข้อเท้าบวม อ่อนเพลีย หายใจไม่อิ่ม เป็นต้น
  • ตับทำงานผิดปกติ อาจทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ ปวดท้องส่วนบน อ่อนเพลีย สับสน มีเลือดออกผิดปกติ ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ดีซ่าน เป็นต้น
  • ผลข้างเคียงรุนแรงต่อระบบประสาท เช่น กล้ามเนื้อตึงมาก มีไข้สูง เหงื่อออก สับสน หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ สั่น และรู้สึกคล้ายจะหมดสติ
  • มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง สังเกตได้จากอาการกระหายน้ำมาก ปัสสาวะมากขึ้น หิวบ่อย ปากแห้ง ลมหายใจมีกลิ่นหวานคล้ายผลไม้ ผิวแห้ง มองเห็นไม่ชัด น้ำหนักลด และง่วงซึม
  • อาการของการอักเสบในร่างกาย เช่น เกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกง่าย เป็นเหน็บหรือชาอย่างรุนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดท้องส่วนบน ดีซ่าน เจ็บหน้าอก เริ่มไอหรือไอมากขึ้นกว่าเดิม มีปัญหาในการหายใจ เป็นต้น
  • อาการติดเชื้อที่รุนแรงที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต มีอาการบ่งชี้ ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย เหงือกบวม เจ็บคอ มีแผลในปากและรู้สึกปวด เจ็บเวลากลืนอาหาร เจ็บผิว มีอาการของหวัดหรือไข้หวัด ไอ และมีปัญหาในการหายใจ
  • การใช้ยานี้ในปริมาณมากหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะที่อาจกลับมาเป็นปกติไม่ได้ ผู้ป่วยอาจไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปาก ลิ้น ตา ใบหน้า แขน หรือขา โดยยิ่งใช้ยาติดต่อกันนานมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะนี้มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน cá cược xổ số trực tuyến  baccarat live baccarat online gambling baccarat poker game online live dealer baccarat